แค่รู้ว่าเป็นรถจากประเทศจีน  บางคนก็ไม่ยอมรับในเรื่องคุณภาพของรถแล้ว  แต่สำหรับรถกระบะโฟตอน ทูนแลนด์ (Foton Tunland) บอกได้คำเดียวว่ามั่นใจได้ เพราะเป็นกระบะลูกผสมตัวจริงที่คัดสรรชิ้นส่วนที่ดีมีคุณภาพมาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์พลังเทอร์โบดีเซลของคัมมินส์ที่ขึ้นชื่อจากอเมริกาขนาด 2800 ซีซี.ที่ให้กำลัง 163 แรงม้า พร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 สปีดของเก็ทแร็ก ที่ให้สมรรถนะกำลังที่แรงและช่วงล่างทรงตัวได้ดีไม่แพ้รถกระบะยี่ห้ออื่น 

     สำหรับรถกระบะโฟตอน ทูนแลนด์ ปี 2017  มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่นย่อย โดยรุ่นซิงเกิ้ลแค็บตอนเดียว (Single Cab Standard Flat Bed)มี  1 รุ่นราคา 5 แสนกว่าบาท และรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตูอีก 4 รุ่น คือ รุ่น Double Cab Standard 2WD , รุ่น Double Cab High Standard 2WD (ยกสูง), รุ่น Double Cab High Premium 2WD (ยกสูง) และรุ่นท็อปสุด Double Cab 4WD โดยรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง รุ่นท๊อป ราคาต่ำกว่า 8 แสนบาท และรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อราคา 8 แสนต้นเทียบกับยี่ห้ออื่นสูงกว่าเยอะ ซึ่งพอเห็นราคาแบบนี้ก็น่าจะพอดึงดูดใจให้หลายคนหันมาซื้อกระบะโฟตอน ทูนแลนด์ ได้ไม่ยาก 



รูปทรงบึกบึนลงตัว

     จากรูปโฉมภายนอกของรถกระบะโฟตอน ทูนแลนด์ หลายคนที่มองเห็นอาจจะบอกว่าน่าจะคล้ายกับกระบะของค่ายอื่น ๆ แต่โดยรวมออกแบบให้ดูบึกบึน พร้อมการตกแต่งที่เสริมสร้างความโดดเด่นให้กับรถมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ฮาโลเจนขนาดใหญ่ มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติทุกรุ่นย่อย พร้อม Daytime Running Light แบบฮาโลเจนบริเวณกันชนหน้า ในช่องเดียวกับไฟตัดหมอกในรถทั่วไป ขณะที่กระจังหน้าโครเมียมมาในทรงปีกนก ติดโลโก้โฟตอนตรงกลาง และกันชนหน้าที่มีช่องดักลมทรงสี่เหลี่ยมคางหมู





   ขณะที่ด้านข้างมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วกับกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถแบบมีไฟเลี้ยวในตัว เฉพาะรุ่นอีโค แต่ถ้าเป็นรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อ จะเพิ่มคิ้วซุ้มล้อ กับล้ออัลลอยขนาด17 นิ้ว และบันไดข้างมาเสริมให้ดูบึกบึนยิ่งขึ้น รวมถึงกระจกข้างโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยว กับระบบสัญญานเตือนถอยหลัง ส่วนกระจกหลังของหัวเก๋งเทียบดูแล้วเหมือนกับโตโยต้าเช่นเดียวกับฝากระบะท้ายทรงตูดเป็ดที่ไม่ต่างจากนิสสัน..แต่เล่นสีสันลวดลายเป็นภาพเครื่องยนต์ และกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถดูแข็งแรงโดยเว้าเป็นเหยียบสำหรับขึ้นกระบะท้าย แถมไฟท้ายดีไซน์เป็นทรงสามเหลี่ยม  





ภายในดีไซน์กว้างนั่งสบาย

     เมื่อเข้ามาภายในห้องโดยสารของโฟตอน ทูนแลนด์ มีความกว้างขวาง ซึ่งแรกเห็นเป็นคอนโซลหน้าที่ดูแล้วคล้ายกับเชฟโรเล็ต โคโรลาโด และดูดีด้วยเรือนไมล์ทรงกลมขนาดใหญ่ 2 ช่อง โดยมีมาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบ พร้อมกับคอนโซลกลางมีขนาดกว้างและมีที่เก็บของพร้อมฝาปิด และที่วางแก้วขนาดใหญ่สองตำแหน่ง โดยสามารถเลื่อนฝาปิดเพื่อแปลงเป็นที่เก็บของเพิ่มเติมได้ 



     ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบสวิตช์ควบคุม พร้อมหน้าจอแบบดิจิตอล มีช่องแอร์แบบสี่เหลี่ยมแนวตั้ง ให้ความเย็นรวดเร็วทันใจและสามารถกระจายมาถึงด้านหลังได้ดี และหัวเกียร์จับกระชับมือโดยที่คันเกียร์มีถุงหุ้มด้วยหนังดูดีใช้ได้ และใกล้กันจะมีปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะลงทางลาดชัน กับปุ่มปิดการทำงานระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP และปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบหมุน (เฉพาะรุ่น 4WD)



     ขณะที่พวงมาลัยหุ้มหนังที่ดูงานไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและระบบ Bluetooth เพื่อความสะดวกขณะขับขี่ โดยในรุ่นดับเบิ้ลแค็บจะมีปุ่มควบคุมระบบความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมระบบเครื่องเสียงรุ่นล่าสุดที่สามารถเล่นไฟล์ MP3 และ WMA และมี Mini USB input และ AUX ในขณะเดียวกันก็สามารถเล่นเพลงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านระบบ Bluetooth ได้เช่นกัน

     ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบให้เข้ากับสรีระโดยในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ  4 ประตูสามารถปรับเบาะที่นั่งได้ 6 ทิศทาง เพื่อลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่เป็นระยะเวลานาน และเบาะนั่งด้านหลังของรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตูมีขนาดใหญ่ พร้อมพนักพิงที่เอียงได้องศาเพื่อความสบายของผู้โดยสารและพนักพิงศีรษะที่สามารถปรับระดับได้ สำหรับเบาะรองนั่งในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตูยังสามารถยกขึ้นและยึดไว้กับที่เพื่อให้สามารถเข้าถึงช่องเก็บเครื่องมือได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงระบบเซ็นทรัลล็อค 2 จังหวะ 



พลังดีเซลคัมมินส์ 163 แรงม้า 

     มาถึงขุมพลังเครื่องยนต์ของโฟตอน ทูนแลนด์  ได้อาศัยเครื่องยนต์ของ Cummins ISF จากอเมริกา ซึ่งเป็นขุมพลังดีเซลแบบ 4 สูบ ขนาด 2.8 ลิตร พ่วงด้วยเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ แบบคอมมอนเรล ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุดที่ 360 นิวตันเมตรที่ 1,800-3,000 รอบต่อนาที พร้อมกับเกียร์ธรรมดาแบบ 5 จังหวะ และเครื่องรุ่นนี้ยังได้มาตรฐานไอเสีย EURO 4     

สมรรถนะตอบสนองลงตัว 

     สำหรับรถกระบะ โฟตอน ทูนแลนด์  (Foton Tunland) ได้มาเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป เมื่อปลายปี 2016 ที่ผ่านมา โดยโฟตอน ทูนแลนด์  เป็นรถที่เกิดจากการผสมผสานการออกแบบทำให้ออกมาในสไตล์บึกบึนพอตัว พร้อมเลือกใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ที่ทนทานจากผู้ผลิตระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลของคัมมินส์ (Cummins) พร้อมชุดเกียร์จาก (Getrag) กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบ ABS จากบ๊อช (Bosch) รวมถึงชุดขับเคลื่อนสี่ล้อจากบอร์ก วอร์เนอร์ (Borg Warner) พร้อมทั้งเพลาและเฟืองขับต่างๆจากดานา (Dana) เรียกว่า เอาของดีมาไว้อยู่ในรุ่นนี้  


   
     ในการทดสอบรถกระบะโฟตอน ทูนแลนด์  ซึ่งงานนี้มีให้ขับทั้งรุ่น Double Cab High Premium 2WD แบบยกสูง ราคา 759,900 บาท กับรุ่นที่ใช้ทดสอบ Double Cab 4WD ราคา 826,200 บาท โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี แบบไปเช้า-เย็นกลับ ระยะทางรวมประมาณ 275 กม. ทำให้รับรู้ถึงสมรรถนะโดยรวมของโฟตอน ทูนแลนด์ได้มากพอสมควร ทั้งพละกำลังที่แรงใช้ได้ และการทรงตัวที่มีประสิทธิภาพ  

    เมื่อเริ่มทดลองขับรถกระบะโฟตอน ทูนแลนด์ รุ่น Double Cab 4WD ในช่วงแรกของการขับต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก เพราะเป็นรถกระบะแบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งไม่ค่อยได้ผ่านมือเท่าไหร่ ต่างจากรถกระบะค่ายอื่น ๆ ที่นำมาให้ทดสอบจะเป็นเกียร์อัตโนมัติเสียส่วนใหญ่ แต่การขับด้วยเกียร์ธรรมดาก็ดีไปอีกแบบ เพราะสามารถลากรอบในแต่ละเกียร์ได้มากกว่า ทำให้เรียกกำลังออกมาได้ทันใจขึ้น 



    ในด้านพละกำลังที่มีอยู่ในกระบะโฟตอน ทูนแลนด์คันนี้ต้องยกนิ้วให้ว่าใช้ได้ เพราะสามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะแรงบิดที่มาในรอบต่ำสามารถลากตัวรถให้พุ่งขึ้นได้ไม่ยาก ซึ่งถ้าเปลี่ยนเกียร์ราว 2,000 รอบขึ้นไปจะช่วยเรียกกำลังจากเทอร์โบให้ออกมาได้ง่าย ๆ  ทำให้ความเร็วสามารถขึ้นไปที่ 100 กม./ชม.ที่ 1,900 รอบได้ทันที และเร่งอีกหน่อยก็ขยับไป 120 กม./ชม.ที่ 2,250 รอบต่อนาที สามารถขับยืนพื้นได้แบบสบาย ๆ  



     และยิ่งในช่วงจังหวะเกียร์ 3 ไปที่เกียร์ 4  ถ้าได้ลากรอบประมาณ 2,500 รอบขึ้นไปจะรับรู้ได้ถึงการเค้นกำลังที่ปล่อยออกมาได้ดี ส่งผลให้ความเร็วของรถพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวลาแซงรถคันอื่นสามารถเร่งผ่านไปได้แบบสบาย  ๆ และพละกำลังยังคงมีให้อย่างต่อเนื่องจากเกียร์ 4 ไปยังเกียร์ 5 ต้องลากรอบยาว ๆ สักหน่อย และค่อยเข้าเกียร์ 5  เพื่อจะเรียกความเร็วให้สูงขึ้นไปที่ 150 กม./ชม.ได้ แต่ถ้าเร่งรีบเข้าเกียร์ 4 ไปเกียร์ 5 ทันที่จะส่งผลให้การตอบสนองของอัตราเร่งช้ากว่าเดิม     



     ทางด้านช่วงล่างของโฟตอน ทูนแลนด์ด้านหน้าเป็นแบบดับเบิ้ลวิชโบนพร้อมคอยล์สปริง กับด้านหลังแบบแหนบซ้อนและโช้คอัพ  ซึ่งได้เซ็ทมาให้แข็งพอประมาณตามสไตล์รถกระบะ ทำให้เวลาวิ่งด้วยความเร็วสามารถทรงตัวได้นิ่งดีทีเดียว และการขับบนทางลาดยางจัดว่าใช้ได้ไม่กระด้างเกินไปพอรับได้ แต่อาจจะกระเทือนอยู่บ้างในช่วงทางขุรขระหรือรอยปะถนน และในเรื่องของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดีไม่มีเสียงรบกวนเข้ามาเท่าไหร่ในขณะที่ใช้ความเร็วระดับ 110 กม./ชม.  

     ส่วนพวงมาลัยแบบเพาเวอร์ไฮโดรลิคให้น้ำหนักกำลังดีสามารถหมุนเปลี่ยนเลนได้ง่าย แต่รัศมีวงเลี้ยวดูจะกว้างไปสักหน่อยทำให้เวลาเลี้ยวกลับรถจะต้องตีวงมาก เช่นเดียวกับระบบเบรกที่ให้มาเกินหน้ากระบะค่ายอื่นด้วยดิสถ์เบรกแบบ 4 ล้อ จึงมั่นใจได้ว่าเวลาเหยียบเบรกสั่งหยุดได้ทันที...และถึงจะขับมาเร็วเวลาเบรกก็ไม่มีอาการเป๋ให้เห็น   



     ปิดท้ายกับส่วนที่ควรจะปรับปรุงในรถกระบะโฟตอน ทูนแลนด์ เพราะจากการขับที่ผ่านมาจะรับรู้ได้ว่าคลัชต์ตั้งมาค่อนข้างสูง และเวลาเหยียบคลัชต์ก็จะสู้เท้าต้องใช้แรงกดมากสักหน่อย ซึ่งเป็นธรรมดาสำหรับรถใหม่ ผนวกกับต้องปล่อยคลัชต์ให้มาก ทำให้เวลาขับนาน ๆ จะรู้สึกเมื่อยขา บวกกับเกียร์เข้ายากไม่หน่อยช่องว่างระหว่างเกียร์น่าจะกว้างกว่านี้ และยิ่งช่วงขากลับที่ต้องเจอกับการจราจรที่ติดขัดทำให้ต้องเหยียบคลัชต์เปลี่ยนเกียร์อยู่บ่อย ๆ ครั้ง เอาเป็นว่าถ้าใช้งานนอกเมืองบอกได้ว่าสอบผ่าน แต่ถ้าคิดจะมาขับในเมืองไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่     


 


    นอกจากจะขับบนทางออนโรดแล้วทางทีมงานโฟตอน ยังได้จัดให้มีการขับโฟตอน ทูนแลนด์ในแบบออฟโรดสไตล์สบาย ๆ ไม่ได้สมบุกสมบันเท่าไหร่ โดยใช้สถานที่ของโรงโม่หินที่ชลบุรี ซึ่งในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อได้ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของบอร์ก วอร์เนอร์ สามารถเปลี่ยนจากขับเคลื่อน 2 ล้อ ไปยังเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4x4 High ได้ด้วยระบบ Shift-on-the-fly ในขณะรถวิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม/ชม และในการขับได้ใช้ระบบ 4x4 High กับเกียร์ 1 ในการขับทำให้สามารถผ่านเส้นทางต่าง ๆ ได้ไม่ยาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางหลุมบ่อหรือผ่านแอ่งน้ำ เช่นเดียวกับรุ่นขับเคลื่อนสองล้อก็มีกำลังที่ลุยผ่านเส้นทางที่สมบุกสมบันไปได้   



     สำหรับโฟตอน ทูนแลนด์ ปี 2017 (Foton Tunland 2017) มีให้เลือกทั้งรุ่น Single Cab Standard Flat Bed ราคา 514,900 บาท,รุ่น Double Cab Standard 2WD ราคา 681,700 บาท,รุ่นDouble Cab High Standard 2WD (ยกสูง) ราคา 729,900 บาท ,รุ่น Double Cab High Premium 2WD (ยกสูง) ราคา 759,900 บาท และรุ่น Double Cab 4WD ราคา 826,200 บาท

     หลังจากผ่านการทดสอบต้องยอมรับว่าโฟตอน ทูนแลนด์ รถกระบะจากจีนมีดีกว่าที่คิด และถึงจะมีรูปทรงไปคล้ายกระบะรุ่นอื่น ๆบ้าง แต่ก็นำเอาดีไซน์เด่น ๆ มาผสมผสานได้อย่างลงตัว ผนวกกับขุมพลังดีเซลคัมมินท์ รับรองขับให้สบายใจได้เลย และที่สำคัญยังกล้ารับประกันที่มากกว่าค่ายอื่นถึง 5 ปี หรือระยะทาง 200,000 กม. สนใจสอบถามได้ที่โฟตอน คอลเซ็นเตอร์ โทร. 02-342-3242

     ขอขอบคุณ : บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้

ข้อมูลทางเทคนิคของโฟตอน ทูนแลนด์ 

เครื่องยนต์                                             ดีเซล แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 
                                                      คอมมอนเรไดเร็กอินเจคชั่น เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
ความจุกระบอกสูบ                                                      2,776 ซีซี
อัตราส่วนกำลังอัด                                                       16.5 : 1 
กำลังสูงสุด                                          163 แรงม้า PS/120 กิโลวัตต์ ที่ 3,600 รตน.
แรงบิดสูงสุด                                        360 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-3,000 รตน.
ระบบขับเคลื่อน                                                  2 ล้อหลัง RWD / 4 WD
ระบบส่งกำลัง                                       เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ของ GETRAG JC538
อัตราทดเกียร์                                           1 : 4.016  2 : 2.318  3 : 1.401
                                                            4 : 1.000  5 : 0.723  R : 3.549
อัตราทดเฟืองท้าย                                                     3.91
ระบบบังคับเลี้ยว                                      แร็คแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ช่วย 
ระบบเบรกหน้า/หลัง                                  ดิสก์/ดิสก์ ABS, EBD, ESP, TPMS
มิติตัวรถยาวxกว้างxสูง                                     5,310x1,880x1,860 มม.
ความยาวช่วงล้อ                                                     3,105 มม.
ช่วงล้อหน้า/หลัง                                                1,580/1,580 มม.
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด                                                  6.75 ม.
ขนาดยาง                                                          265/65R17 112T  
น้ำหนักรถ                                                            1,860 กก.
ถังน้ำมันจุ                                                                76 ล.